Category Archives: ฟิล์มปรอท

ค่าการป้องกันรังสี UV? ค่าการป้องกันรังสีอินฟราเรด คืออะไร?

รังสีความร้อน ติดฟิล์ม

ค่าการป้องกันแสงอาทิตย์ของการติดฟิล์มรถยนต์ เนื่องจากแสงอาทิตย์ประกอบไปด้วยรังสีที่มองเห็นด้วยตาเปล่า (แสงสว่าง) และ รังสีที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (รังสีUV , รังสีอินฟราเรด) วันนี้เราจะมาเจาะลึกว่าค่าการป้องกันรังสี UV และ ค่าการป้องกันรังสีอินฟราเรด คืออะไร สามารถบ่งบอกถึงอะไรได้บ้าง ค่าการป้องกันรังสี UV (UltraViolet Rejected , UVR) คือ ความสามารถในการป้องกันรังสีUVที่มีอยู่ในแสงแดด  รังสี UV เป็นรังสีที่มีพลังงานสูงสุด เป็นอันตรายต่อร่างกาย และ ทำให้ ทรัพย์สิน อุปกรณ์ต่างๆภายในรถ เสื่อมสภาพ ซึ่งโดยปกติแล้ว ฟิล์มกรองแสงเกือบทุกชนิดจะสามารถป้องกันรังสี UV ได้ 99%  ถือเป็นคุณสมบัติเบื้องต้นของฟิล์มกรองแสงทุกชนิด ทุกยี่ห้อต้องมี ซึ่งการป้องกันรังสี UV ได้99% นั้นจะไม่เกี่ยวกับการป้องกันความร้อนจากแสงแดด หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่งได้ว่า ฟิล์มกรองแสงที่ป้องกันรังสี UV99%นั้น อาจจะไม่กันความร้อนเลยก็เป็นได้ ค่าการป้องกันรังสีอินฟราเรด (Infrared Rejected , IRR) คือ ความสามารถในการป้องกันรังสีอินฟราเรดที่มีอยู่ในแสงแดด รังสีอินฟราเรดเป็นรังสีที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่จะสามารถสัมผัสได้ในรูปของความร้อน […]

ค่าแสงส่องผ่าน(VLT), ค่าสะท้อนแสง(VLR) คืออะไร?

วิธีอ่านค่าฟิล์มกรองแสง

ค่าแสงส่องผ่าน (Visible light transmitted, VLT) คืออะไร? เป็นค่าที่บ่งบอกถึงปริมาณแสงส่องผ่านของฟิล์มกรองแสงนั้นๆ ยิ่งแสงส่องผ่านมาก ก็จะทำให้ฟิล์มมีความใสมาก ถ้าแสงส่องผ่านน้อย ก็จะทำให้ฟิล์มมีความใสน้อย หรือมีความทึบมาก  การเรียกความเข้มของฟิล์มว่า 40/60/80 ไม่ใช่การเรียกค่าแสงสว่างส่องผ่านของฟิล์ม การเรียกความเข้มของฟิล์มที่ถูกต้องนั้น ฟิล์มเข้ม80 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 5 % ฟิล์มเข้ม60 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 20 % ฟิล์มเข้ม40 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 40-50 % ถ้าใสกว่านี้โดยทั่วไปก็จะเรียกว่าฟิล์มใส แสงส่องผ่าน ( VLT ) ประมาณ 70% ค่าสะท้อนแสง (Visible light reflected, VLR)  คืออะไร ค่าสะท้อนแสง คือ […]

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิล์มรถยนต์

คำถามที่พบบ่อย ฟิล์มติดรถยนต์

1.ติดฟิล์มรถยนต์สีดำเข้ม 80% ไม่ผิดกฎหมายใช่หรือไม่ ? ในปัจจุบัน กฎหมายบังคับใช้ฟิล์มกรองแสง ติดสีดำเข้ม 80% ขณะนี้ได้ยกเลิกอย่างเป็นทางการแล้ว โดยการเปิด เผยของนายพงศกร เลาหวิเชียร รมช.กระทรวงคมนาคม   ที่มา https://www.buildingfilmtastic.com/tint80darkness/ แต่ หากจะย้อนไปถึงสมัยหลายปีก่อน  กรมการขนส่งเคยออกกฎหมาย  ให้รถยนต์ทุกคัน ติดฟิล์มกรองแสงได้โดยให้ค่าของแสงผ่านได้ร้อยละ 40 เหตุผลก็คือเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรม ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ยากและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้บริโภคเท่าใดนัก เพราะ ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่ จะติดฟิล์มความเข้มเกิน 40% อยู่แล้ว (เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนตลอดทั้งปี) ทำให้รถเกือบทุกคันต้องลอกเปลี่ยนฟิล์มเก่าทิ้ง   นอกจากนี้ยังเกิดความเหลื่อมล้ำในเรื่องของความเป็นธรรม เพราะรถของกรมตำรวจบางคันเอง หรือรถของบรรดานักการเมืองทั้งหลาย ยังคงติดฟิล์มกรองแสงสีดำสนิท ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ใช้รถทั่วไป กฏหมายฉบับนี้จึงถูกยกเลิกไปในที่สุด 2.คราบน้ำที่เกิดขึ้นบนกระจกหลังจากติดตั้ง จะหายไปเองหรือไม่ ? ในกระบวนการติดตั้งฟิล์มกรองแสงนั้น จะมีการใช้น้ำยาติดตั้งฉีดลงบนกระจก และ กาวบนแผ่นฟิล์มกรองแสงก่อนติดตั้ง เพื่อที่จะได้เลื่อนขยับแผ่นฟิล์มให้เข้ารูปกับกระจกได้ หลังจากนั้นจะถูกรีดออกด้วยเครื่องมือรีดน้ำแบบต่างๆ หลังจากติดตั้งฟิล์มกรองแสงเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะมีน้ำยาติดตั้งเหลืออยู่ระหว่างแผ่นฟิล์มกับกระจกบ้าง  ถือเป็นเรื่อง “ปกติ” ลักษณะมองผิวเผินจะคล้ายๆกับฟองอากาศ เกิดขึ้นทั่วไปบริเวณที่ติดตั้ง มองจากข้างในรถจะเป็นคลื่นๆไม่เรียบ […]

เลือกฟิล์มติดรถยนต์อย่างไร? ให้เข้ากับรถคุณ

วิธีเลือกฟิล์มติดรถยนต์

ปัจจุบันการติดฟิล์มรถยนต์เป็นที่แพร่หลายอย่างมากและถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถยนต์ทุกคัน เพราะ ภูมิอากาศของเมืองไทยเป็นเมืองร้อน โดยปกติการเลือกฟิล์มติดรถยนต์ ควรจะคำนึงถึงหลักสำคัญ 4 ประการคือ 1.การป้องกันรังสีความร้อน การป้องกันรังสีความร้อนเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆของการเลือกฟิล์มติดรถยนต์เนื่องจากเมืองไทยเป็นประเทศที่มีอากาศค่อนข้างร้อนทำให้ผู้บริโภคนิยมเลือกใช้ฟิล์มติดรถยนต์ที่กันความร้อนได้สูง โดยปกติแล้วฟิล์มกรองแสงที่มีความเข้มมากมักจะกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ดีกว่าฟิล์มกรองแสงสีใส เนื่องจากในแสงสว่างนั้นก็จะมีความร้อนแฝงอยู่ด้วย  และฟิล์มกรองแสงที่สะท้อนมากก็จะสามารถกันความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มกรองแสงที่สะท้อนน้อยๆเช่นกัน 2.ทัศนะวิสัยการมองเห็นจากภายในรถยนต์ (ทั้งกลางวันและกลางคืน) ทัศนะวิสัยการมองเห็นถึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่ควรคำนึงถึงก่อนที่จะตัดสินใจเลือกฟิล์มรถยนต์ โดยปกติแล้วฟิล์มที่มีความเข้มน้อย ทัศนวิสัยก็จะดีกว่าฟิล์มที่มีความเข้มมาก  และฟิล์มสีดำทัศนวิสัยก็จะดีกว่าฟิล์มปรอทเช่นเดียวกัน เนื่องจากฟิล์มมีความสะท้อนน้อยกว่า ฟิล์มคุณภาพสูง เช่นฟิล์มประเภทนาโน ทัศนวิสัยการขับขี่ก็จะดีกว่าฟิล์มแบบธรรมดาหรือฟิล์มย้อมสีเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสายตาของผู้ขับขี่เองด้วย ถ้าผู้ขับขี่มีปัญหาด้านสายตาหรือสายตาสั้นก็ควรจะเลือกฟิล์มที่มีความเข้มในระดับไม่เกิน60% 3.ความสวยงามของรถยนต์หลังติดตั้งฟิล์มกรองแสง ความสวยงามของรถยนต์หลังติดตั้งฟิล์มกรองแสง กระจกรถยนต์ถือเป็นส่วนประกอบหลักที่ผู้บริโภคแทบทุกท่านคำนึงถึง  ดังนั้นเฉดสีและเปอร์เซ็นต์การสะท้อนของฟิล์มกรองแสงจึงมีผลต่อความสวยงามของรถยนต์หลังติดตั้งด้วย  โดยส่วนใหญ่แล้วรถยนต์แต่ละสีก็จะเข้ากับเฉดสีของฟิล์มกรองแสงต่างกันขึ้นอยู่กับความชอบและรูปทรงของรถยนต์ 4.คุณภาพการรับประกันและการติดตั้งฟิล์ม ฟิล์มติดรถยนต์ที่ดี ควรจะมีการรับประกันคุณภาพเนื้อฟิล์มตั้งแต่ 5-10 ปี ผลิตจากโรงงานที่เชื่อถือได้และมีศูนย์ติดตั้งที่มีคุณภาพ พร้อมที่จะให้คำแนะนำ ปรึกษา และติดตั้งให้อย่างมืออาชีพ สอบถามเทคนิคการเลือกฟิล์มติดรถยนต์เพิ่มเติม ได้ที่ เบอร์โทร: 099-335-8756  , 02-003-3583 E-mail: heatgardfilm@gmail.com Line : HeatGard Facebook : https://www.facebook.com/heatgardfilm

ติดฟิล์มปรอท จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่?

ติดฟิล์มปรอท อันตรายหรือไม่

ติดฟิล์มปรอท เป็นพิษ เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่? หลายๆ คนมีคำถามสงสัยว่า ติดฟิล์มปรอท จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ เพราะสารปรอทเป็นโลหะหนัก เป็นพิษต่อร่างกาย  ถ้าฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพก็กังวลว่าสารปรอทรั่วไหลออกมาหรือไม่   ซึ่งในความจริงแล้ว ฟิล์มปรอทนั้น ไม่ได้มีส่วนประกอบของปรอทในการผลิตอยู่เลย ฟิล์มปรอทที่คนทั่วๆไปเรียกกันนั้น จะทำมาจากฉาบสารโลหะประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสารอลูมิเนียม , ไททาเนียม , เงิน , ทอง ฯลฯ   ทำไมถึงเรียกว่าฟิล์มปรอท? แล้ว ทำไมถึงเรียกกันว่าฟิล์มปรอทหละ? อันนี้เป็นความเข้าใจผิดของผู้บริโภคคนไทยสมัยก่อนเช่นกัน ด้วยความที่ว่าในสมัยที่ฟิล์มฉาบโลหะนำเข้ามาในประเทศไทยใหม่ๆนั้น คนสังเกตุเห็นฟิล์มเป็นแผ่นมันวาวคล้ายๆกับกระจก จึงเหมารวมไปว่า ฟิล์มแบบฉาบโลหะน่าจะมีวิธีการผลิตเหมือนกับการผลิตกระจกโดยใช้สารปรอท และได้เรียกผิดๆกันต่อๆมาจนถึงปัจจุบัน ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องนั้น ควรจะเรียกว่า “ฟิล์มฉาบโลหะ” จะถูกต้องมากกว่า สอบถามเกี่ยวกับการติดฟิล์มปรอทราคาถูก เบอร์โทร: 099-335-8756  , 02-003-3583 E-mail: heatgardfilm@gmail.com Line : HeatGard Facebook : https://www.facebook.com/heatgardfilm

มาเรียกความเข้มของฟิล์มรถยนต์ 40/60/80 ให้ถูกต้องกันเถอะ

ความเข้มฟิล์มกรองแสง

เรียกความเข้มฟิล์มกรองแสงอย่างไรให้ถูกต้อง 40/60/80 ในตลาดฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์บ้านเรานั้น จะมีการเรียกความเข้มของฟิล์มไว้ 3 ระดับ คือ เข้ม 40 / 60 / 80  โดยที่ ฟิล์ม 40 เป็นฟิล์มที่เข้มน้อยที่สุด ฟิล์ม 60 เป็นฟิล์มที่เข้มระดับกลางๆ ฟิล์ม 80 เป็นฟิล์มที่มีความเข้มมากที่สุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเรียกความเข้มของฟิล์ม 40 / 60 / 80 เป็นการเข้าใจผิดของผู้บริโภค เพราะในสมัยแรกๆนั้น มีตัวเลือกของฟิล์มกรองแสงอยู่ไม่มาก คนจึงเรียกฟิล์มที่มีความเข้มมากที่สุดว่าฟิล์ม 80  เข้มน้อยรองลงมาก็คือฟิล์ม 60 เข้มน้อยสุด 40 เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ  จนมาถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเรียกกันผิดๆ การอ่านค่าแสงสว่างส่องผ่านของฟิล์มติดรถยนต์อย่างไรให้ถูกต้อง จริงๆแล้ว ค่าความเข้มของฟิล์มกรองแสง ควรจะพิจารณาจากค่าแสงสว่างส่องผ่าน (Visible Light Transmittance, VLT) เป็นหลัก โดยยิ่งค่าแสงส่องผ่านน้อย ก็จะทำให้ฟิล์มเข้มมาก ฟิล์มเข้ม 80 คือฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน […]

ฟิล์มกรองแสงป้องกันพลังงานแสงอาทิตย์ ได้อย่างไร?

พลังงานแสงอาทิตย์

รังสีที่ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ป้องกันได้ พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามีความยาวคลื่นและพลังงานที่ต่างกัน  รังสีที่ผ่านมายังผิวโลกประกอบด้วยรังสี 3 ชนิดคือ 1.รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เป็นรังสีที่มีช่วงความยาวคลื่น (100-380 นาโนเมตร) มีพลังงานคิดเป็น 3% จากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด รังสี UVนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่เป็นรังสีที่เป็นอันตราย  การได้รับรังสี UV มากเกินไป นั้นจะส่งผลต่อระบบต่างๆในร่างกายได้ ซึ่งโดยทั่วๆไปแล้วฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพ จะสามารถป้องกันรังสี UV จากแสงแดดได้สูงสุดถึง 99% 2.แสงสว่าง (Visible Light) คิดเป็น 44% จากแสงอาทิตย์ทั้งหมด  ช่วงความยาวคลื่น (380-780 นาโนเมตร) มีพลังงานคิดเป็น 44% จากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด เป็นช่วงรังสีจากแสงอาทิตย์ที่สามารถมองเห็นได้ โดยปกติแล้วฟิล์มติดรถยนต์ทั่วๆไปก็จะมีหลายความเข้มให้เลือก เราสามารถเลือกความเข้มของฟิล์มได้จากค่าแสงส่องผ่าน (Visible light Transmittance) ยิ่งค่าแสงส่องผ่านน้อย ก็จะทำให้ฟิล์มมีความเข้มมาก และก็จะส่งผลให้ป้องกันความร้อนได้มากขึ้นเช่นกัน 3.รังสีอินฟราเรด หรือ รังสีความร้อน (Infrared) ช่วงความยาวคลื่น (700-2000 นาโนเมตร) มีพลังงานคิดเป็น 53% จากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด […]